..ท้าวเวสสุวรรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก ..ภาพถ่าย วันที่ 18 สิงหาคม 2567

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โอวาทของพระบรมครูธรรมเทพโลกอุดร

      โอวาทของพระบรมครูธรรมเทพโลกอุดร

       การปฏิบัติธรรมทางด้านจิต  จงเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่าทัน
ความเคลื่อนไหวของจิตทุกลมหายใจเข้าออก  และทุกอริยาบท
เว้นเสียแต่หลับ  เมื่อรู้เท่าทันจิตแล้วต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิต
จงดูจิตเคลื่อนไหว  เหมือนเราดูลิเกหรือละคร เราอย่าเข้าไปเล่นลิเก
หรือละครด้วย  เราเป็นเพียงผู้นั่งดู  อย่าหวั่นไหวไปตามจิต  จงดู
พฤติการณ์ของจิตเฉยๆ ด้วยอุเบกขา  จิตไม่มีตัวตนแต่สามารถกลิ้ง
หลอกล้อ  หรือยั่วเย้าให้เราหวั่นไหวดีใจและเสียใจได้  ฉะนั้นต้องนึก
เสนอว่าจิตไม่มีตัวตน  อย่ากลัวจิต  อย่ากลัวอารมณ์  เราหรือ
สติสัมปชัญญะต้องเก่งกว่าจิต  ความนึกคิดอารมณ์ต่างๆ  เป็นอาการ
ของจิต ไม่ใช่ตัวจิต  แต่เราเข้าใจว่าเป็นตัวจิต  ธรรมชาติของจิตคือผู้รู้
อารมณ์  คิดปรุงแต่งแยกแยะไปตามเรื่องของมัน  แต่แล้วมันต้องดับ
ไปเข้าหลักเกิดขึ้น ตั้งอยู่  ดับไป  คือไม่เที่ยง  ไม่จีรังยั่งยืน  ทนได้ยาก
เป็นทุกข์  และสลายไปไม่ใช่ตัวตน  มันจะเกิดดับๆ อยู่ตามธรรมชาติ
เมื่อเรารู้ความจริงของจิตเช่นนี้  เราก็สงบไม่วุ่นวาย  เราในที่นี้หมายถึง
สติปัญญา  สัพเพ  ธัมมา  อนัตตา  ธรรม (สิ่งทั้งปวง)  เป็นอนัตตา
คือไม่ใช่ตัวตน

      นิมิตที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิมีอยู่  2  ประการ คือ

      1.  เกิดขึ้นเพราะเทพบันดาล  คือเทวดาหรือพรหมแสดงภาพ
นิมิตและเสียง ให้รู้ ให้เห็น

      2.  นิมิตเกิดขึ้นเพราะอำนาจสมาธิเอง

      นิมิตจะเป็นประเภทใดก็ตาม  ขอให้ผู้เจริญกรรมฐานจงเป็นผู้ใช้
สติปัญญาให้รู้เท่าทันนิมิตที่เกิดขึ้นนั้นด้วยปัญญา  อย่าเพิ่งหลงเชื่อ
ทันที  จะเป็นความงมงาย ให้ปล่อยวางนิมิตนั้นไปเสีย อย่าสนใจให้
เอาจิตทำความจดจ่ออยู่เฉพาะจิต  เมื่อจิตสงบรวมตัว  จิตถอนตัว
ออกมารับรู้นิมิตนั้นอีก  หากปรากฏนิมิตอย่างนี้  ซ้ำๆ  ซากๆ  หลาย
ครั้งแสดงว่านิมิตนั้นเป็นจริงเชื่อถือได้  แต่อย่างไรก็ตาม นิมิตที่มา
ปรากฏนี้อยู่ในขั้นโลกียสมาธิ  นิมิตต่างๆ  จึงเป็นความจริงน้อย  แต่
ไม่จริงเสียมาก  มุ่งหน้าทำจิตให้สงบเป็นอัปนาสมาธิ  อย่าสนใจนิมิต
หากทำได้อย่างนี้จิตจะสงบตั้งมั่น  เข้าถึงระดับฌาณจะเกิดผล คือ
สมาบัติสูงขึ้นตามลำดับ  จิตจะมีพลังอำนาจอันมหาศาล ฤทธิ์เดชจะ
ตามมาเองด้วยอำนาจของณาณ

      ธรรมะบางข้อของพระบรมครูธรรมเทพโลกอุดร

      จึงได้ธรรมะของท่าน  สรุปย่อๆ  บางส่วนดังนี้
   
      1.  ธรรมะของท่านต้องเกิดจากการปฏิบัติเท่านั้น

      2.  ต้องมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

      3.  อยากรู้ธรรมะหรือคำสอนของท่าน ให้ดูจิตของตนเอง

      4.  ให้รักผู้อื่นเหมือนที่รักตนเอง

      5.  ให้ทำตัวเหมือนน้ำ

           -  น้ำไปได้ทุกสถานที่  อยู่ในน้ำ  ในอากาศ  ในดิน

           -  น้ำอยู่ได้ทุกสภาวะ  เป็นไอน้ำ  เป็นน้ำ  เป็นน้ำแข็ง 

           -  น้ำให้ความชุ่มชื่น  สดชื่น  แก้กระหาย

           -  น้ำให้ชีวิต  และทำลายชีวิต

           -  น้ำให้ความเย็น  ให้ความร้อน

           -  น้ำมีรูปร่างต่างๆ  กันตามรูปร่างของภาชนะ

           -  น้ำใช้ล้างความสกปรกให้สะอาด เป็นต้น

    พระคาถาบูชาพระบรมครูธรรมเทพโลกอุดร 
                    (อธิษฐานฤทธิ์)  

                                   นะโม  3  จบ                  
          อะอุมะ  พุทโธ   นะโนพุทธายะ
        นะมะพะธะ  รัตตะนะตะยา  นุภาเวนะ           
               สะทา  โสตถี  ภะวันตุเม
        อิทธิ  อิทธิ  ฤทธิ  ฤทธิ  สิทธิ  สิทธิ    
       ชัยยะ  ชัยยะ  ลาภะ  ลาภะ  อุตระเรนะ
                 พุทธะ  นิมิตตัง  อิติ     
                 ธัมมะ  นิมิตตัง  อิติ
                 สังฆะ  นิมิตตัง  อิติ
               (ตั้งจิตอธิษฐานตามความปราถนา)

                                  ฉบับย่อ
                          นะโม  3   จบ
    โลกุตตะโร  จะ  มะหาเถโร  อะหัง  วันทามิ
ตัง สะทา  เมตตาลาโภ  นะโสมิยะ   อะหะพุทโธฯ 

    ภาวนา  3  จบ  7  จบ  หรือ  9  จบ  เช้า-เย็น ตื่นนอน และก่อนนอน 


            ***  ถึงมีทรัพย์  ก็ใช่ว่าจะมีอายุยืนยาวตลอดไป *** 
          (ชีวิตมีภัย เงินก็ขจัดให้ไม่ได้ คือ ความแก่ และความตาย)


วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ศีลห้า บทขาดปัญญาเสพสุราของมึนเมา โดย พระอรหันต์จี้กง

  บทขาดปัญญาเสพสุราของมึนเมา

     คนเป็นสัตว์ที่เกิดจากแรงกรรม แรงกรรมผลักดัน
พฤติกรรมความเป็นไปในชีวิตของคน การแสดงออก
ตามอนุสัยสันดานเป็นแรงกรรม ไม่เฉพาะเจ็บป่วยหนัก
จึงเรียกว่าแรงกรรม แรงกรรมเปลี่ยนแปลงได้ด้วยจิตใจ
มุ่งมั่นในความดีงาม

     เขาว่าอาจารย์ขี้เมา ฉันเหล้า ฉันเนื้อสัตว์ ถ้าอย่าง
งั้นอาจารย์ก็ต้องลงนรกซิใช่ไหม อาจารย์สอนพวกเจ้า
ให้งดดื่มเหล้าเพราะพวกเจ้ากินนกเข้าไปตัวหนึ่งแล้วไม่
อาจฉุดช่วยวิญญาณของเขาให้ไปเกิดเป็นคนได้

     เมื่อแม้แต่ฉุดช่วยวิญญาณของตัวเอง ยังไม่ได้เลย
เจ้าจึงต้องสำรวมละเว้นหลังดื่มเหล้าแล้ว เจ้ายังคงรัก
ษาสติสัมปชัญญะรักษากิริยาสง่างามอยู่ได้ไหม จุดนี้เจ้า
จึงเทียบกับพระอริยเจ้าไม่ได้ บางครั้งพระอริยเจ้าอุบัติ
มาในโลกเพื่อล้อเล่นชีวิต แต่พระประวัติบางเรื่องคน
เล่าขานหรือการแสดงก็แต่งเติมเป็นนิยายไป

     ฉะนั้นในส่วนนี้ จึงอย่าได้เอาพระองค์มาเป็นแบบ
อย่างข้ออ้างทำตาม แม้วิถีอนุตตรธรรมจะเป็นยานขึ้น
สูง แต่ธรรมปฏิบัติตามทางสายกลางก็ยังคงต้องเริ่มต้น
ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา อย่าเข้าใจว่าเมื่อได้จุดนี้จาก
พระอาจารย์แล้ว ได้รู้จุดสถิตจิตวิญญาณตนโดยฉับ
พลันแล้ว จะกล่าวอ้างว่ารู้แจ้งเห็นจริงได้

     อนุสัยสันดานเดิมของเจ้าที่ติดตามมา เจ้าได้ชำระ
แล้วหรือ? หนี้เวรกรรมจากหกหมื่นปีที่ผ่านมา เจ้าลอก
ออกทีละชั้นได้หรือยัง? เจ้าได้สร้างสมบุญกุศลได้เจริญ
ปณิธานใช้หนี้เขาไปหรือยัง?

     ฉะนั้น เจ้าจึงจำต้องค่อยสำรวมระวังบำเพ็ญไป
ขณะนี้พวกเจ้าก็ดีแต่เผยแพร่นำพาคน ให้ได้รับธรรมะ
ไม่ได้ย้อนมองภายในจิตใจของตนเองเลย กิเลสตัณหา
อนุสัยในสันดานมีอยู่เท่าไร รู้ไหมทำไมคนจึงเวียนว่าย
เกิดตายในชีววิถีหกไม่จบสิ้น มันเวียนว่ายไปตามแรง
ของสันดาน


     แม่บ้านทำอาหารชอบจะเหยาะเหล้า แต่งกลิ่น
สักเล็กน้อย คิดว่าไม่ถึงกับทำให้มึนเมา หารู้ไม่ว่าจะติด
เป็นนิสัยแล้วจะแก้ยาก ผู้ชายพอนึกถึงงานเลี้ยง นึกถึง
เรื่องเสริมสร้างสุขภาพก็จะนึกถึงเหล้า ผู้บวชบำเพ็ญ
กินอาหารวันละสองมื้อ หน้าตาสดใส เลือดฝาด
สมบูรณ์ ไม่เห็นจะต้องอาศัยเหล้ามาบำรุง มันอยู่ที่พลัง
จิตต่างหาก ทางที่ดีอย่าแตะต้องมันเลย

     เจ้าจะใช้เหล้าได้ในโอกาสใด เมื่อเจ็บป่วย หมอ
ให้ยาที่ต้องใส่เหล้า ดองเหล้าแต่ไม่ให้ถึงกับมึนเมา
หายป่วยแล้วให้เลิกไปเลยไม่ให้ติดใจ

     ยาผสมเหล้าใช้ทาภายนอกไม่เป็นไร ดื่มเหล้าทำ
ให้ทรัพย์สินเสียหายบุญวาสนาค่อย ๆ ลดน้อยลง ไม่ดื่ม
เหล้าและไม่ให้เหล้าแก่ใคร เดินทางไปต่างประเทศก็
ไม่ช่วยซื้อไม่ช่วยหอบหิ้วเหล้าให้ใคร ไม่ค้าขายเหล้า
เขากินเข้าไปแล้วขาดสติ ทำความชั่วอะไรลงไปบ้าง

     ความผิดบาปตรงนั้น เกิดจากเหล้าที่เจ้าให้เขา
ขายเขา หรือช่วยหอบหิ้วมาให้เขาฯ เจ้าคิดว่าเจ้ามีส่วน
ด้วยไหมกับความผิดบาปนั้น เขาจะดูถูกว่า “น้ำหน้า
ผู้หญิง” กินเหล้าสูบบุหรี่ ขี่รถซิ่งไม่เป็น ยังดีกว่าที่
เจ้าจะเอาอย่างเขา เขาสอนให้เจ้าตกนรกรู้ไหม โรคตับ
หัวใจ เบาหวาน มะเร็งในกระเพาะอาหารฯ จะเกิด
ตามมา ตั้งแต่โบราณมาเราเสียคนดี ๆ ไปมากแล้ว
เพราะเหล้า

     อริยกวี “หลี่ไป๋” คนหนึ่งละที่เมาเหล้าแล้ว
จมน้ำตาย เพราะลงไปอุ้มดวงจันทร์ในน้ำ กลิ่นเหล้า
เต็มตัวอย่างนี้ เมื่อมีเหตุร้ายเจ้าจะให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระ
องค์ใดเข้าใกล้มาฉุดช่วย ผู้ใดไม่เสพเหล้าและอาหาร
คาวรักษากายใจให้บริสุทธิ์ ผู้นั้นจะมีกลิ่นกายหอม
คล้ายไม้จันทน์

     พูดถึงกลิ่นไม้จันทน์ วันหนึ่งเมื่อเจ้าได้กลิ่นไม้
จันทน์แล้ว หันไปก็ได้พบพระโพธิสัตว์กวนอิมประทับ
อยู่ ณ ที่นั้น อย่าได้เที่ยวบอกเล่าไป เพราะจะกลาย
เป็นเพ้อเจ้อ นิมิตเห็นดอกบัวขาวเห็นแสงสว่างเจิดจ้า
บนหลังคาบ้าน ฯลฯ เป็นนิมิตมงคลในใจก็พอแล้ว

     การปฏิบัติบำเพ็ญให้เห็นชัดในธรรมะ ในสัจธรรม
ในพระโองการจริง มิให้ติดนิมิตใด ๆ ที่ถ่ายรูปแล้ว
ปรากฏอะไรแปลก ๆ ไม่ใช่ไม่มี แต่อย่าอยากให้มีทุก
อย่างมีเหตุปัจจัยส่งผลให้เป็นการเฉพาะเท่านั้น มิใช่จะ
เรียกร้องเอาได้

     เมาเหล้าจะทำผิดได้ทุกอย่าง ผิดกามได้ไม่ว่า
กับพี่น้อง คนใช้ ลูกหลานหรือใคร บางคนเขียนเช็คให้
เขาตอนเมาเหล้าถึงกับล้มละลายไปเลย ติดต่อค้า
ขายสังคมกัน เลี้ยงอาหารเครื่องดื่มอื่น ๆ ให้ความ
จริงใจต่อกันจะดีกว่า ไม่ต้องเลี้ยงเหล้า พอเมาเหล้า
ความอายก็หายหมด

    คนที่ผิดหวังเสียใจทำไมดื่มเหล้า เพราะเมาแล้ว
คิดถึงอยากได้หญิงสาวมาย้อมใจก็ได้อย่างที่คิดเหมือน
ดมกาว ดมสารระเหยเสพติด เขาจะหลงภาพลวงตาที่
เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนของจริง สิ่งเสพติดทุกอย่างเสพ
ติดง่ายแต่ตัดใจเลิกยาก

     ก่อนออกจากบ้านพิถีพิถันแต่งตัว พอเหล้าเข้า
ปากผมก็เริ่มปรกหน้า เสื้อผ้าก็หลุดลุ่ย ไม่เหลือบุคลิก
งามสง่าของครูบาอาจารย์ ของสามี ของพ่อ ของปู่ ของ
คนที่น่าเคารพนับถืออีกเลย พูดหยาบคายไขความลับ
ได้แก้ผ้าได้ไม่อับอาย

     ฆ่าฟันตบตีด่าทอพ่อแม่ เปิดนรกสิบแปดขุมให้
ตัวเองทันที ผู้หญิงดื่มเหล้าเมายิ่งน่าเกลียด ถูกใคร
รังแกล่วงเกินก็ไม่รู้ตัว มีแต่คนดูถูกเหยียดหยาม ท่าน
จอมปราชญ์ขงจื้อ จึงได้อุทานด้วยความสมเพชตั้งแต่
เมื่อสองพันกว่าปีก่อนว่า “ฉันไม่เคยเห็นผู้กระหายใน
คุณธรรมเหมือนดังกระหายในกามเลย”
เมื่อ “กาม”
เข้าครอบงำ “คุณธรรม” ก็หายไป เมาแล้วจิตใจ
ฟุ้งซ่านทะยานอยากผิด ๆ ท้าทายกล้าเสี่ยง ศีลข้อไหน
ก็รักษาไว้ไม่ได้
 
     แพร่งพรายไตรรัตน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ไม่
อยู่ในสายตา พบคนเสเพลขี้เหล้าเมายา ถ้าตักเตือน
ได้ก็ตักเตือนไป ตักเตือนไม่ได้ให้หลีกหนี ถ้าเขาไม่มี
รากบุญกุศล อย่าพยายามดึงเขามารับวิถีธรรม เจ้าอาจ
ช่วยเขาไม่ได้ แต่กลับถูกแรงกรรมของเขาฉุดไป เพราะ
สมาธิความมั่นคงของเจ้ายังไม่อาจเทียบเท่าพระพุทธะ

     เจ้าอาจจะรู้สึกว่าอยู่กับวงการธรรมะนาน ๆ เข้า
เลยแยกตัวจากสังคมไป แท้จริงแล้วไม่ใช่ ไม่ได้แยก
และไม่ต้องแยก เพียงแต่เจ้าจะต้องรู้จักใช้ด้านสว่าง
ของวงการธรรมะไปปรับสภาพ ด้านที่เป็นความมืดของ
สังคมภายนอกให้ได้อย่างเหมาะสมเท่านั้น เจ้าไม่ต้อง
กินเหล้าเมายากับเขา แต่เจ้าก็ยังเป็นคนหนึ่งในสังคม
นั้น

     รู้ว่ากินเหล้าเมายาผิดศีล แต่ก็ยังทำ ทำแล้วใจคอ
ก็จะหวั่นวิตกไม่เบิกบาน จึงต้องสำนึกผิดทุกวัน หลง
ใหลอยู่ในความเมาวันแล้ววันเล่า ไม่มีเวลาตื่นใจไม่มีสติ
ที่จะมองหานิสัยสันดานไม่ดีของตัวเอง จึงไม่ได้แก้ไข
รากเหง้าของกุศลบุญก็เน่าเปื่อยไป เวลาเมาท่อน้ำกว้าง
แค่คืบก็ก้าวไม่พ้น

     เมื่อตายแล้วจะก้าวข้ามทะเลทุกข์ ทะเลเกิดตาย
ได้หรือ เมื่อมีชีวิตอยู่ ทิ้งนิสัยสันดานชั่วไม่ได้ ตายแล้วจะ
ไม่ยึดมั่นในอุปาทานได้หรือ ผู้สำรวมในศีลจึงมีปัญญา
เป็นหัวใจ ส่วนผู้ที่ยึดมั่นในอุปาทานมีความโง่เขลาเป็น
หัวใจ

     เหล้า มีกับแกล้มเป็นเพื่อนที่เหมาะสมเข้ากันดี
คือ เนื้อสัตว์ ส่วนมากคนที่กินเหล้าจึงชอบกินเนื้อสัตว์
คนกินเนื้อสัตว์จึงชอบกินเหล้า เหล้ามีกามตัณหาเป็น
เพื่อนคู่ใจ คนที่กินเหล้าจึงมักจะชอบเรื่องกาม คนที่
ชอบเรื่องกามจึงชอบกินเหล้า ทั้งหมดนี้เจ้าก็รู้ดีว่าเป็น
เหตุที่นำไปสู่หนทางนรก


คัดลอก จาก บำเพ็ญขัดเกลาพุทธจิต



     ~~~ เหล้าไม่เมาคน  แต่คนไปเมาเอง  
                   กามาไม่หลงคน แต่คนไปหลงเอง
                        และเงินไม่รักคน แต่คนอยากได้เอง ~~~

ศีลห้า บทมุสาวาจามิชอบ โดย พระอรหันต์จี้กง

                  บทมุสาวาจามิชอบ

     วาจามิชอบ เป็นจุดเริ่มต้นของความผิดบาป อื่นๆ
การบรรยายธรรม ปาถกฐา ฯ จะต้องมีสาระในทาง
เสริมสร้าง จึงจะนับว่าเป็นนักพูดที่ได้รับความสำเร็จ

     คนค้าขายจะไม่ให้ผิดข้อมุสานั้นยาก ทางที่ดีเมื่อ
ค้าขายได้เงินทองของเขามาแล้ว แบ่งปันส่วนหนึ่งไป
ทำบุญทานอุทิศให้เขา และชดเชยความผิดของตนเสีย

     แต่ช่วยพูดจาส่งเสริมญาติธรรม จะต้องติดตาม
ผล ให้วิเคราะห์ความทุกข์ของเขาจากความเป็นจริง
อย่าพูดให้เขาหลับหูหลับตามารับธรรมะ อย่าเหมาว่า
รับธรรมะแล้วจะหายจากโรคภัยนั้น ๆ หรือกินเจตลอด
ชีวิตแล้วตั้งตำหนักพระจะหายจากโรคมะเร็งได้

     จงส่งเสริมให้เขาเข้าใจหลักสัจธรรมด้วย มีกำลัง
ความสามารถเท่าไรก็พูดไปเท่านั้น ไม่พูดเกินกำลัง
ความเป็นจริง มีคำกล่าวว่า “พูดปดไปเพียงคำเดียวจะ
ต้องหาคำโกหกมาปิดบังคำพูดนั้นอีกถึงสิบคำ” พูดปด
บ่อย ๆ จะกลายเป็นความเคยชิน “วาจามิชอบเป็น
อาวุธฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น” “อย่าเที่ยวได้ปากยื่น
ปากยาวไปบ้านเหนือบ้านใต้”

     พูดเพ้อเจ้อถือเป็นวาจามิชอบ แต่ถ้าพูดแบบ
อารมณ์ขันทำให้ผู้อื่นคลายทุกข์ได้ไม่ผิด เขายกย่องชม
เชย ซึ่งแม้เจ้าจะดีอย่างที่เขาชื่นชมจริง แต่เจ้าก็ปฏิเสธ
คำชมด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ว่าไม่จริงอย่างนี้ไม่ผิด
ทุกคนชอบฟังคำพูดที่ทำให้สบายใจ วาจาดีเป็นสะพาน
เชื่อมบุญสัมพันธ์

     ถามทุกข์สุข แนะนำปลอบโยน ชื่นชมให้กำลังใจ
ชาติก่อนชอบนินทาว่าร้าย ชาตินี้จะถูกทำลายชื่อเสียง
มีอุปสรรคถูกขัดขวางถูกด่าว่า พูดจาไม่มีใครรับฟังน้ำ
เสียงไม่ไพเราะ อ้ำอึ้งพูดกำกวมไม่ชัดเจนฯ ผู้ผิดศีลข้อ
มุสาใช้วาจามิชอบ จะบำพ็ญอย่างไร ก็ไม่ได้สัมโพธิผล

     ศีลห้าไม่บริสุทธิ์ บกพร่องข้อใดก็ตาม จะไม่อาจ
บรรลุสัมโพธิมรรคทั้งสิ้น ผู้ผิดศีลข้อมุสาใช้วาจามิชอบ
กลิ่นปากจะเหม็นเป็นประจำรักษาไม่หาย กลิ่นตัวแรง
ยิ่งกินเนื้อสัตว์จะยิ่งกลิ่นตัวแรง กินเจจะทำให้คลายลง

     ผู้สำรวมรักษาศีล ใช้วาจาชอบ ปากจะมีกลิ่นหอม
เหมือนดอกอุบลวรรณ ศพของผู้บำเพ็ญบางคนถูเผา
แล้ว ฟันยังคงอยู่ไม่ถูกเผาไหม้ทั้งสามสิบสองซี่ก็มี ผู้ใช้
วาจาชอบจะเป็นที่เชื่อถือยินดีแก่คนทั้งหลาย ไม่ต้องมี
สิ่งซ่อนเร้น จะไม่มีเสียงหยาบคายรบกวนหู รบกวนใจ

     พูดเกินความเป็นจริงบางอย่าง ด้วยเจตนาดี
เพื่อฉุดช่วยนำพาเขาให้พ้นทุกข์ ไม่ถือเป็นวาจามิชอบ
“กวนใจ ทำลายสติ ให้เขาคิดมากลำบากใจ” “ทำลาย
สายสัมพันธ์ให้เขาแหนงหน่ายไม่ลงรอยกัน” “หยอกล้อ
ล่วงเกินให้เขาอับอายเกิดปมด้อย” ฯลฯ เหล่านี้ล้วน
ผิดศีลมุสาใช้วาจามิชอบ มีเกร็ดประวัติเรื่องหนึ่ง ซึ่ง
ท่านบรมครูขงจื้อถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจศิษย์ ทันที
เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นคือ เช้าวันหนึ่งศิษย์คนหนึ่งอยู่เวร
ทำอาหาร ข้าวต้มสุกแล้ว บังเอิญเศษอะไรชิ้นเล็กๆ
ตกจากเพดานลงไปในข้าวต้ม ศิษย์ผู้นั้นกลัวจะเป็นอัน
ตรายแก่ท่านบรมครู จึงตักเศษอะไรนั้นใส่ปากเพื่อ
พิสูจน์ว่ามันคืออะไร

     ท่านบรมครูชี้ให้ศิษย์อีกคนหนึ่งดู ศิษย์ผู้นั้นลุก
ขึ้นตรงเข้าไปว่ากล่าวติเตือนเพื่อนทันทีว่า “เสียมรร
ยาทเองกินอาหารก่อนท่านครู” ศิษย์ผู้ถูกกล่าวหาร้อง
ปฏิเสธรีบชี้แจงความเป็นจริงด้วยความตกใจ ท่านบรม
ครูจึงเรียกชุมนุมศิษย์ทั้งหมดแล้วให้คติว่า “สิ่งที่ครูมอง
เห็นเองยังผิดต่อความเป็นจริงได้ แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่เล่า
ต่อกันมาล่ะ จากปากที่สามต่อไปความเป็นจริงจะถูก
บิดเบือนไปอีกเท่าไร...”

     ฉะนั้น ก่อนจะสรุปความว่ากล่าวติเตียนใคร จึง
ให้ระวังคำมุสาวาจามิชอบ “ไม่อยากมีเรื่องกล่าวหาว่า
ร้ายให้สงบปากสงบคำอย่าพร่ำพูด” อย่าพูดเอาแต่ได้
อย่าปักหลักพูดแต่ฝ่ายตัวเอง ให้ยืนอยู่เป็นฝ่ายเขา
เห็นใจเขา ให้โอกาสเขาพูดเพื่อคนอื่นบ้าง ความบาด
หมางจากวาจาจะน้อยลง

     มีคนสองระดับที่ไม่นินทาว่าร้าย คือ ผู้มีปัญญา
ระดับสูง และคนโง่ทึ่มที่สุด ปัญญาสูงเห็นสัจธรรมไม่
หวั่นไหวในเสียงรบกวน คนโง่ทึ่มไม่เข้าใจในเสียงรบ
กวน คนสองระดับนี้จึงบำเพ็ญศีลข้อนี้ได้ดี

     จะพูดจานำพาคนมารับธรรมะ อย่าให้เขาเข้าใจ
ผิดว่าเจ้ามีความพึงพอใจในตัวเขา ต้องเอาความเมตตา
เป็นเจตนา อย่าเอาอารมณ์ ความรู้สึกพิสมัยเป็นเจตนา
ญาติธรรมหนุ่มสาวต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก อาชีพหมอ
ดูทำนายทายทักดวงชะตาอาชีพดูทำเลที่ทาง (ฮวงจุ้ย)
ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษาฯ ยิ่งต้องระวังวาจา

     พูดผิดพลาดพลั้งไปทำร้ายจิตใจ ทำลายชีวิต
อนาคตเขา จะบาปมาก ผู้ไม่ผิดศีลมุสาไม่ใช้วาจามิชอบ
ผู้ได้สำรวมปากคำมาสามชาติ ชาตินี้ปลายลิ้น จะแตะ
ถึงจมูก ลิ้นมีสีแดงดังชาดทาไว้ ริมฝีปากอิ่มเกิดเป็นหญิง
ซี่ฟันจะกว้างหนา เป็นศรีภรรยาเป็นศรีสะใภ้

     แต่หากหญิงใดฟันห่าง ลมปากผ่านช่องฟันได้เป็น
คนจับจ่ายไม่ยั้งเก็บเงินไม่อยู่ ฟันซี่เรียวเล็กเหมือนฟัน
หนูเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าเล่ห์เจ้ากล หญิงใดสุ้มเสียง
อ่อนโยนนุ่มทุ้ม มีบุญวาสนาสูงส่ง ลักษณะภายนอก
เหล่านี้เป็นเครื่องประกอบให้เจ้ารู้ไว้พิจารณาตัวเอง

    บกพร่องส่วนใด ก็ให้แก้ไขด้วยการปฏิบัติบำเพ็ญ
ในที่สุดลักษณะด้อยของเจ้า ก็จะกลายเป็นลักษณะดีได้
พวกเจ้าเพ้อเจ้อ มุสา ใช้วาจามิชอบกันวันละมากมาย
พอๆ กับกินข้าวใช่ไหม นี่แหละจะทำให้การปฏบัติบำ
เพ็ญของเจ้าถูกก่อกวน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเหมือน
กับน้ำข้าวต้มใสๆ ดูเหมือนกับไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ทำให้
เจ้าสะดุดได้ สำรวมในศีลอย่างแท้จริง จึงเป็นการ
บำเพ็ญอย่างแท้จริง

     ผู้ได้รับวิถีธรรม แล้วไม่ถือศีลจะเป็นเพียงผู้มี
บุญสัมพันธุ์ที่ผ่านเข้ามาในประตูพุทธะเท่านั้น ถือศีล
ได้บริสุทธิ์ หนึ่งศีลมีหนึ่งเทพยดาคุ้มครองรักษา ไม่
สำรวมในศีล สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพยดาไม่กล้าเข้าใกล้ อีกทั้ง
ไม่อาจปกปักรักษา ถือศีลสำรวมวาจา จะเกิดปัญญามี
วาทะศิลป์มีสง่าราศีลักษณะดีงาม

คัดลอก จาก บำเพ็ญขัดเกลาพุทธจิต




   @@@  ระหว่าง "รู้" กับ "ทำ" นั้น 
                   ช่างห่างไกลกันเสียเหลือเกิน  @@@

ศีลห้า บทกามตัณหา โดย พระอรหันต์จี้กง

                   บทกามตัณหา

     “อิ่มนัก มักเริงกาม” “มักมากในกาม เป็นความ
ผิดบาปมหันต์กว่าความผิดบาปใด ๆ”

     ความชั่วที่พัวพันคนมากที่สุดในโลก คือ “กาม
ตัณหา” มันร้ายยิ่งกว่า “แอมแฟตตามีน” (ยาม้า)
หรือยาเสพติดทุกอย่าง ใครเสพส้องกับมันเพียงครั้ง
เดียวก็อยากข้องเกี่ยวกับมันเรื่อยไป

     “กามตัณหา” เป็นเรื่องสกปรกที่สุดเรื่องหนึ่งใน
โลก ในเมื่อเราจะบำเพ็ญวิถีโพธิสัตว์ก็ต้องรู้จักควบคุม
ระหว่างสามีภรรยากัน ก็ให้เป็นไปตามจริยธรรมความ
เหมาะสม กามตัณหาเกิดขึ้นเมื่อใดเหมือนไฟเผาอะไร
ก็ยั้งไม่อยู่ จึงมีตัวอย่างผู้บำเพ็ญอยู่ในป่าเขาจนใกล้จะ
บรรลุอรหัตตผลอยู่แล้ว พอกามตัณหาเข้าครอบงำก็
เสพกามกับลิงกับแพะ ฯ
 
     การควบคุมเมื่อเกิดอารมณ์กามตัณหา ให้ใช้วิธี
ดับไฟ ไม่ก่อไฟในใจ ไม่กินอิ่มเกินไป ปกติอยู่บ้านให้เดิน
เท้าเปล่าบ้าง ใต้เท้าสัมผัสความเย็นของพื้นบ้านจะช่วย
ลดไฟราคะได้ ระวังพฤติกรรมอันเป็นเหตุเย้าแหย่ ยั่วยุ
ไม่มีอะไรดีกว่าหลีกเลี่ยงไปให้พ้น ไม่ดูนิตยสาร หนังสือ
หรือภาพยนตร์ประเภทลามก ไม่เข้าใกล้แหล่งโลกีย์

     อย่าให้ภาพเหล่านั้นแปดเปื้อนนัยน์ตาของเจ้าได้
นัยน์ตาของผู้ชายทำชั่วเรื่องนี้กันมาก ตายแล้วนัยน์ตา
จึงเน่าก่อน ปัญหาครอบครัวก็เริ่มมาจากนัยน์ตาที่ชอบ
หาของสดคาวนี่เอง รักษาจิตให้สงบบริสุทธิ์เสมอ อ่าน
หนังสือธรรมะสวดท่องคัมภีร์บ่อย ๆ เช่น วิสุทธิสูตร
ปารมิตาหฤทัยสูตร สัจคัมภีร์พระศรีอาริย์

     เกิดอารมณ์เมื่อไรให้ระงับทันที เช่นนี้จึงจะค่อย
เบาบางลง ขึ้นหนึ่งค่ำ สิบห้าค่ำข้างจีน วันพระวันโกน
วันเฉลิมวันสำคัญของพระพุทธะ พระโพธิสัตว์ พระอริย
เจ้าพระองค์ต่าง ๆ อีกทั้งในระหว่างสี่สิบเก้าวันที่พ่อแม่
ปู่ย่าตายายเสียชีวิตให้รักษาศีลถือ พรหมจรรย์

     แม้พวกเจ้าจะบำเพ็ญอยู่กับครัวเรือน มิได้ออก
บวช แต่อาจารย์ก็หวังให้พวกเจ้ารักษาศีลได้บริสุทธิ์
ดำเนินรอยตามปฏิปทาพระโพธิสัตว์ กายใจจะได้สำ
รวมบำเพ็ญเป็นกระแสเดียวกัน บำเพ็ญอยู่กับครัวเรือน
ให้สร้างคุณสัมพันธ์กับคนในบ้าน การไม่ได้แต่งงานมิได้
แสดงว่าเสียสละตนเพื่องานธรรม

     หญิงสาวจะต้องรู้จักจัดการกับงานบ้านของพ่อ
แม่ขณะนี้ให้ดีก่อน ที่จะไปเริ่มต้นจัดการครอบครัวใหม่
หัวปักหัวปำทำแต่งานธรรมะอย่างเดียว ไม่เรียกว่าเสีย
สละเพื่องานธรรม ทุกคนในครอบครัวเคยเกี่ยวกรรมกับ
เจ้ามาก่อนทำยังไงจึงจะให้กรรมนั้นสิ้นสุดลง อย่างไม่
ร้าวฉานได้ มิใช่ให้หลีกหนี เจ้าคิดว่าจะทิ้งภาระนั้นให้
ใครดูแล

      เจ้าเป็นลูกโทนคนเดียว พ่อแม่และกิจการทาง
บ้านเจ้าเห็นเป็น “เครื่องพันธนาการ” เจ้าไปส่งเสริม
ใครๆ ให้ละวางพันธนาการต่าง ๆ แต่ “เครื่องพันธนา
การ” ของเจ้าเองละ ใครจะเป็นผู้ไปส่งเสริม หรือเจ้ามัก
จะเห็นว่าพ่อแม่ลูกกันเป็นเช่นห่อสัมภาระ

     เจ้าสอนให้ใคร ๆ วางลง หันหลังให้กับพ่อแม่อย่าง
เด็ดเดี่ยว เจ้าส่งเสริมเขาอย่างนี้หรือ เจ้าสอนให้เขาวาง
พันธนาการนั้นลงไปปฏิบัติโพธิสัตว์ปฏิปทา ถามหน่อย
เถอะ กรรมที่เกี่ยวกันมาสิ้นสุดลงอย่างราบเรียบแล้ว
หรือยัง ผู้ที่หันหลังให้กันไม่ใช่ตัวของเจ้าเอง เจ้าจึงพูด
ได้ง่าย ๆ

     การเป็นสามีภรรยากันล้วนมีเหตุปัจจัย ให้มา
ลบล้างกรรมนั้นต่อกัน อย่าได้ชื่นชมชีวิตคู่ของใครว่า
ดีนักแล้วชักนำให้เขาแต่งงานกัน และก็อย่าได้คัดค้าน
ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการแต่งงานของใคร เขาจะต้อง
ลบล้างกรรมนั้นต่อกัน ให้เขาเป็นไปตามธรรมชาติ เจ้า
มีหน้าที่เพียงชี้แนะให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
 
     ถ้าหากเจ้า เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว
เจ้าอยากสำเร็จเป็นโพธิสัตว์ เจ้าปฏิบัติงานธรรมสร้าง
บุญทุกวัน แล้วแม่ของเจ้าล่ะต้องสำเร็จเป็นโพธิสัตว์
ไหม เจ้าทิ้งแม่ให้นอนป่วยอยู่กับบ้านทุกวัน แม่ตกนรก
แต่เจ้าขึ้นสวรรค์ บัลลังก์บัวเจ้าจะนั่งได้สบายไหม

    เจ้ากินเจแต่แต่งงานไปอยู่บ้านที่ไม่ได้กินเจ จะ
ต้องรู้ว่าเป็นกรรมเก่าที่เจ้าเกี่ยวพันกับเขามา เจ้าเป็น
สะใภ้เป็นภรรยา ไม่ทำกับข้าวให้เขากิน จะให้ใครทำ
ถ้าจำใจต้องทำอาหารเนื้อสัตว์ก็ให้แผ่เมตตากล้าเผชิญ
ว่า “ฉันไม่ลงนรกใครจะลงนรก”

    ค่อย ๆ ส่งเสริมเขาไปอย่าใช้ไม้แข็ง สักวันหนึ่ง
ทุกคนในครอบครัวอาจกินเจร่วมกับเจ้าด้วยก็ได้ สังคม
ปัจจุบันน่าสงสารสามีภรรยาเลิกร้างกันมาก หากเจ้ามี
ชีวิตคู่ที่อยู่ดีมีสุข อย่าได้โอ้อวดต่อคนที่ชีวิตคู่ล้มเหลว
  
     เตี่ยนฉวนซือมิให้เป็นพ่อสื่อแม่สื่อ ไม่ให้เป็นเถ้า
แก่เป็นพยานการแต่งงานของใคร เพราะเตี่ยนฉวนซือ
ถือปณิธานข้อพิเศษสำคัญยิ่ง สามีออกไปปฏิบัติงาน
ธรรมให้รู้จักขอบคุณศรีภรรยา เธอเป็นแม่บ้านหุงหาอา
หารเลี้ยงดูลูกทำงานบ้านทุกอย่างให้ ให้รู้จักยกย่อง
เอาใจใส่ตอบแทนคุณของเธอ

     พ่อแม่ยังไม่เข้าใจวงการธรรมะ ด้วยคววามรัก
อยากปกป้อง จึงห่วงใยที่ลูกออกไปปฏิบัติงานธรรม
อาจพูดจาว่ากล่าว หรือขัดขวางอย่างนี้ไม่ใช่มารทด
สอบให้ค่อย ๆ ออกมาปฏิบัติงานธรรมอย่างนิ่มนวล
หนุ่มสาวผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ จะต้องรักนวลสงวน
ตัว จะแต่งงานจะต้องขออนุญาตจนพ่อแม่ยินยอมเสีย
ก่อน หลังจากทำพิธีกราบไว้บรรพบุรุษแล้ว จึงจะเป็น
สามีภรรยากันได้

     ตำหนักพระเป็นสถานที่สูงส่ง อย่าได้อาศัยเป็น
สถานที่หาคู่ เรื่องของครอบครัวเกี่ยวข้องกับศีลข้อนี้
อาจารย์จึงยกตัวอย่างให้ฟัง

     ผสมพันธุ์สุนัขไปขาย ไม่ดีไม่งามไม่ควรทำ ขี่ม้า
เลนไม่ดีเป็นการกดขี่สัตว์อย่างหนึ่ง ทั้งแรงสะเทือนยัง
อาจก่อให้เกิดอารมณ์ราคะ ซื้อขายค่าตัวหญิงโสเภณี
มีความผิดทางคุณธรรม ล่วงเกินภรรยาของเพื่อน กรรม
นั้นจะตามสนอง

     สะใภ้ด้วยกันและพี่น้องของสามี มิให้อิจฉาหา
ความกัน มิฉะนั้นชาติหน้าจะได้ภรรยาปากจัด หาคู่
ครองต้องรู้ให้ชัดว่าเขามีคู่อยู่หรือเปล่า ถ้ามีอยู่ก็จงตัด
ใจคิดเสียว่าไม่มีบุญร่วมกันแม้รูปสวยแค่ไหน ก็ไม่เอา
มีคู่อยู่แล้วอย่านอกใจ

     ทุกคนล้วนอยากมีสามีภรรยาที่อบอุ่น มั่นคงทั้ง
นั้น เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วเจ้าก็จะไม่ทำลายชีวิตคู่
ของผู้อื่น ปฏิบัติงานธรรมก็ต้องให้เวลากับครอบครัว
บ้างอย่าให้เขากล่าวโทษว่า “พระโพธิสัตว์กวนอิมชิง
สามีของฉันไป” “พระพุทธจี้กงหลอกเอาภรรยาของ
ฉันไป” ขอร้องทีเถอะ อาจารย์ไม่เคยสอนให้เจ้าหมกอยู่
ในตำหนักพระทุกวันเลย

     ถ้าถึงขึ้นสุดท้าย สามียื่นคำขาดไม่ให้เจ้าออกมา
ไหว้พระอีก ภรรยาไม่ทำอาหารให้กิน ไม่สนใจอะไร
ทั้งสิ้นปัญหาก็จะตามมา บำเพ็ญอยู่กับครัวเรือนจะ
ต้องทำให้ครอบครัวสมบูรณ์พูนสุข ไม่ใช่ให้แตกแยก
ไม่ใช่หมกตัวอยู่กับตำหนักพระ แล้วถือว่าศรัทธาจริงใจ
คนที่ไม่ค่อยได้มาตำหนักพระ แต่ที่บ้านของเขาสะอาด
เรียบร้อยทุกคนในบ้านสมัครสมาน ยิ้มแย้ม แจ่มใส
ทุกเวลา
  
     แสดงว่า เขาได้นำเอาธรรมะกลับไปปฏิบัติบำ
เพ็ญในครัวเรือนแล้ว ด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริง
กามตัณหาเป็นต้นตอของการเกิดตาย ผู้บำเพ็ญวิถีโพธิ
สัตว์ถ้าไม่ตัดอารมณ์นี้ แต่สำรวมกายได้จะหมายถึงผู้
ปฏิบัติมนุษยธรรมเท่านั้น

     ผลแห่งการสำรวม ทำให้ไม่ต้องเวียนว่ายใช้หนี้ใน
วิถีบาป คือ เปรต เดรัจฉาน วิญญาณนรก เกิดชาติใหม่
จะได้ครอบครัวบริวารดี สุขกายสุขใจได้บำเพ็ญร่วมกัน
ช่วยกันดำเนินวิถีชีวิตคนได้อย่างสมบูรณ์

     พระโพธิสัตว์ล้วนกลัวเหตุอันเกิดจากกามตัณหา
จึงตัดขาดเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

     ผู้ละกามตัณหาได้ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่
เร่าร้อน เกิดฌานสมาธิปัญญาได้ง่าย

     ผู้ละกามตัณหาได้ จะเกิดในตระกูลดี พ่อแม่มี
ศักดิ์ศรี พี่น้องปรองดอง คู่ครองอุ้มชูกัน ลูกหลานกตัญญู
เพื่อนพ้องจริงใจต่อกัน

     ผู้ละกามตัณหาได้ จะเป็นชื่นชมของเทพยดาฟ้า
ดิน เป็นที่เคารพยกย่องของคนทั้งหลาย แม้บำเพ็ญ
สำเร็จไป จะได้พุทธะลักษณะสมบูรณ์งดงาม

     ผู้บำเพ็ญแต่โบราณมา ล้วนเห็นกามตัณหาเป็น
ศัตรูตัวร้าย เมื่อเห็นเหตุอันเป็นตัวยั่วเย้า จะหลีกลี้หนี
ไปให้พ้นทันทีเหมือนเผชิญกับหอกดาบคมกริบ อัน
พร้อมที่จะทำให้บาดเจ็บถึงตายได้เช่นนั้น

    มีอุทธาหรณ์คำเตือนว่า
    “แม้ชายชาญแสนหาญกล้า จะเชือนหน้าหญิง
งามลำบากนัก”

    “ผู้ยอมตายภายใต้ดอกโบตั๋น แม้เป็นผีใน
โลกันต์ก็ยังเริงชื่นชู้”
 

คัดลอก จาก บำเพ็ญขัดเกลาพุทธจิต


          *** เสียใจแล้ว จึงรู้ผิด ***