..ท้าวเวสสุวรรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก ..ภาพถ่าย วันที่ 18 สิงหาคม 2567

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต

รัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต (chinese tantra totem for good luck)  
  1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
  2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
  3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
  4. เมื่อกล่าวคำว่า 'ฉันรักเธอ' จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
  5. เมื่อกล่าวคำว่า 'ขอโทษ' จงสบตาเขาด้วย
  6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
  7. จงเชื่อในรักแรกพบ
  8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
  9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
  10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
  11. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
  12. จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
  13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
  14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
  15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
  16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
  17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
  18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
  19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
  20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
  21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง

ความหมายของการปล่อยสัตว์น้ำ

ความหมายของการปล่อยสัตว์น้ำ

1. ปลาไหล   -   การเงิน การงาน การเรียน
2. ปลาดุก     -  ศัตรู  คู่แข่ง  แคล้วคลาด
3. ปลาชะโด  -  มีแต่สิ่งใหญ่ ๆๆ  โตๆๆ  เข้าบ้าน
4. ปลาช่อน   -  ช้อนเงิน  ช้อนทอง
5. ปลาสวาย  -  ปลดปล่อยสิ่งไม่ดีจากตัวเราเอง
6. ปลาราหู    -  สะเดาะเคราะห์ หมดเคราะห์
7. เต่าน้ำ      -  สะเดาะเคราะห์   ต่ออายุให้ยืนยาว
8. ปลาดุกเผือก  -  เป็นสิริมงคล
9. ปลาหมด   -  เพื่อสุขภาพที่ดี
10. ปลาทับทิม  -  ความรักราบรื่น
11. ปลาบู่     -  ระลึกถึงคุณพ่อ คุณแม่
12. ปลานิล   -  ไม่อด ไม่อยาก อุดมสมบูรณ์
13. ปลาขาว  -  เป็นปลานำโชค
14. กบ         -  ตัดวิบากกรรม
15. หอยขม   -  ทิ้งความขมขื่น มีความร่มเย็นเป็นสุข
16. หอยโข่ง  -  เป็นผู้นำ

ปล่อยปลาตามกำลังวันเกิด
วันอาทิตย์      ปล่อย    9  ตัว
วันจันทร์        ปล่อย   15 ตัว
วันอังคาร       ปล่อย    8  ตัว
วันพุธ กลางวัน ปล่อย  17 ตัว
วันพุธ กลางคืน ปล่อย  12 ตัว
วันพฤหัสบดี   ปล่อย    19 ตัว
วันศุกร์          ปล่อย    21 ตัว
วันเสาร์         ปล่อย    10 ตัว

ปล่อยปลาเท่าอายุ  "เสริมบารมีตัวเอง"

คำอธิษฐานในการปล่อยสัตว์

     ข้าพเจ้า ......(บอกชื่อ).... เกิดวันที่ ... เดือน ....  ปี ... อายุ ...
ได้ปล่อยสัตว์ .....  จำนวน .... ตัว  ปล่อยเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ศัตรู
และ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย  ตัวที่เป็นที่พึ่งขอให้นำความสุข    และ
โชคลาภมาให้ข้าพเจ้า  สรรพโศก  สรรพโรค  สรรพภัย  สรรพเคราะห์
เสนียดจัญไร   ออกไปจากตัวข้าพเจ้า    ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ขอให้
พระแม่ธรณี  ,  พระแม่คงคา  ,  เทพเทวา  , เจ้าที่เจ้าทาง  หลวงปู่โต
และพญานาคราช  จงเป็นสักขีพยาน รับทราบกุศลเจตนาของข้าพเจ้า
และคุ้มครองชีวิตสัตว์ที่ปล่อยไปให้ปลอดภัยจนสิ้นอายุขัย ด้วยอำนาจ
ของกุศลผลบุญนี้  จงสะเดาะเคราะห์ร้ายของข้าพเจ้าให้กลับกลายเป็น
ดี มีความร่มเย็นเป็นสุข  ประสพความสำเร็จสมหวังในสิ่งที่พึงปรารถนา 
มีความเจริญก้าวหน้า  มีชีวิตสดชื่น  สุข  สดใส  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ด้วยเทอญ

 

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ธรรมะของหลวงปู่ทวด อ่านแล้วส่งต่อเพื่อเป็นธรรมทาน ( อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆนะ )

พูดมาก เสียมาก       พูดน้อย เสียน้อย      ไม่พูด ไม่เสีย       นิ่งเสีย โพธิสัตว์
image001.jpg



หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "
คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี
คติธรรมคำสอน ของ
หลวงปู่ทวด

ธรรมประจำใจ

พูดมาก เสียมาก    พูดน้อย เสียน้อย     ไม่พูด ไม่เสีย     นิ่งเสีย โพธิสัตว์
ละได้ย่อมสงบ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข
ละได้ย่อมสงบ
สันดาน
ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได
แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์
การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ

จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ

เมื่อเราจะออกจากบ้าน

ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย
บรรเทาทุกข์
การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้องเป็นตัวของเราเอง
และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
ยากกว่าการเกิด
ในการที่เราเกิดมา   ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย   แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย
ไม่สิ้นสุด
แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน

ทุกวันนี้
เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโน่น ยึดนี่
ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล

จักรวาลโลกมนุษยนี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน
  เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ
  ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ
อยู่ให้สบาย
ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น
เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด
  อยู่กันอย่างไม่ยินดี   อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ
  เหนือนินทา   เหนือความผิดหวัง   เหนือความสำเร็จ   เหนือรัก   เหนือชัง
ธรรมารมณ์
การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือ รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน
  เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆ แล้ว
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส   เสียใจน้อยใจ
  เป็นทุกข์
กรรม
ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า
เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์   มีความรื่นเริง
มารยาทของผู้เป็นใหญ่
ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน   ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ
โลกิยะ หรือ โลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ   ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดินทางโลกิยะ
  ย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก   เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม
ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า
?
ถ้าเป็นไปได้
  พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน

เราต้องตัดสินใจ   ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง
ศิษย์แท้
พิจารณากายในกาย   พิจารณาธรรมในธรรม   พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รู้ซึ้ง

ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ   เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล   ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว
  เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ
การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย
หยุดพิจารณา
คนเรานี้   ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว   จิตมันจะฟุ้งซ่าน
และถ้าภาวะนั้น
 
ตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ
  ศีล   สมาธิ   ปัญญา     ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้
บริจาค
ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ   จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา
  การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก

นี่คือเรื่องของนามธรรม
ทำด้วยใจสงบ
เราจะทำบุญก็ดี   เราจะทำอะไรก็ดี   จงทำด้วยความสงบ
อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น   มันจะพาเราไปสู่หายนะ
เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน   เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง   จงอย่าทำ
นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน   เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว   จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก
มีสติพร้อม
จะทำสิ่งใดก็ตาม   เราต้องมีสติพร้อม
คือ
อย่าให้มีโทสะ
  อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผล มาอยู่เหนือความจริง
เตือนมนุษย์
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีง านทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า
พิจารณาตัวเอง
คืนหนึ่งก็ดี   วันหนึ่งก็ดี   ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที
ไม่ติดต่อกับใคร

ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่า
  ที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
  คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้
  มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด   ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง
คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
ธรรมะของหลวงปู่ทวด   อ่านแล้วส่งต่อ เพื่อเป็นธรรมทา